9. ระบบเกษตรอินทรีย์
แนวคิดหลัก
เกิดจากการรวมตัวกันของชาวบ้านหนองแรด หมู่ที่ 9 ประกอบอาชีพทางด้านเกษตรเป็นหลัก มีการใช้ปุ๋ยเคมีในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรมาเป็นเวลานาน ทำให้สภาพดินเสื่อมโทรมและเกษตรกรพบกับปัญหาราคาปุ๋ยที่แพงขึ้น จึงได้รวมตัวกันผลิตปุ๋ยอินทรีย์ โดยใช้วัสดุที่มีในหมู่บ้านและในเขตตำบลเพื่อลดภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพ และขยายผลไปยังชาวบ้านอำปึล หมู่ที่ 20 เพราะทราบถึงคุณภาพที่ช่วยให้ได้ผลผลิตที่ดี เกิดแกนนำที่ได้รับการอบรมซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐานจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงได้งบประมาณในการก่อสร้างโรงปุ๋ยและรวมกันผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้ในกลุ่มสมาชิก เช่นเดียวกับบ้านนาพูน หมู่ที่ 13 ที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน จึงได้ร่วมหาแนวทางในการลดภาระค่าใช้จ่ายด้วยการรวมกลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์ โดยการนำวัตถุดิบที่มีในตำบลมาใช้ในการหมักปุ๋ย เพื่อนำมาใช้ในครัวเรือนโดยให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ ต่อมาชาวบ้านท่าสว่าง หมู่ที่ 2 ที่ประสบกับปัญหาทางสุขภาพเนื่องจากการใช้สารเคมี จึงได้รวมกลุ่มเกษตรพอเพียง เพื่อปลูกผักปลอดสารพิษสำหรับรับประทานในครัวเรือนและจำหน่าย โดยให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการให้กับประชาชนทั่วไป

9.1 ธนาคารปุ๋ยอินทรีย์บ้านนาพูนหมู่ 13
เกิดจากความต้องการแก้ปัญหาที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของดินซึ่งเป็นที่ทำกินหลักในการประกอบอาชีพ โดยชาวบ้านใช้ภูมิปัญญาของกลุ่มที่ได้จากการสังเกตผลผลิตของตนที่ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย และความต้องการลดค่าใช้จ่ายในการใช้ปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพงถุงละ 150-170 บาท จึงเกิดการรวมกลุ่มกันเองของเกษตรกรในพื้นที่จำนวน 18 คนในระยะแรกประสานขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 55 สำนักงานพัฒนาภาค 5 สนับสนุนและให้การฝึกอบรมด้านวิชาการ ด้านการจัดการและขอรับทุนสนับสนุนการจัดตั้งโรงเรือน จนกระทั่งเกษตรกรสามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เองเปลี่ยนแปลงวิถีเป็นเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ได้ในรูปแบบการเติมอาหารให้ดินต่อมาอบต.ต้องการสนับสนุนและเพิ่มความเข้มแข็งให้กับกลุ่ม โดยเริ่มช่วยเหลือในด้านการประชาสัมพันธ์จัดทำสื่อแผ่นพับเพื่อการขยายความรู้ไปยังเครือข่ายอื่น ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกรวมทั้งสิ้น 21 คน และมีการตั้งข้อบังคับเพื่อการจัดการร่วมกัน
9.2 กลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์บ้านหนองแรดหมู่ 9
ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพทำนาสังเกตเห็นว่าค่าใช้จ่ายในการใช้ปุ๋ยเคมีมีราคามาก และสังเกตพบความไม่สมบูรณ์ของผลผลิตที่เกิด ซึ่งคิดว่าเป็นการเสื่อมสภาพของดินโดยการทำลายของปุ๋ยเคมีทำให้ดินเสียสภาพความสมดุลกรดด่างซึ่งเป็นที่ทำกินหลักในการประกอบอาชีพ จึงเกิดการรวมกลุ่มกันเองของเกษตรกรในพื้นที่จำนวน 21 คนในระยะแรกประสานขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 55 สำนักงานพัฒนาภาค 5 สนับสนุนและให้การฝึกอบรมด้านวิชาการ ด้านการจัดการและขอรับทุนสนับสนุนการจัดตั้งโรงเรือน จนกระทั่งสมาชิกสามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เองเปลี่ยนแปลงวิถีเป็นเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ได้ต่อมาอบต.ต้องการสนับสนุนและเพิ่มความเข้มแข็งให้กับกลุ่ม โดยเริ่มช่วยเหลือในด้านการประชาสัมพันธ์จัดทำสื่อแผ่นพับเพื่อการขยายความรู้ไปยังเครือข่ายอื่น ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกรวมทั้งสิ้น 36 คน และมีการตั้งกฎระเบียบเพื่อการจัดการร่วมกัน
9.3 กลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์บ้านอำปึล หมู่ 20
เดิมชาวบ้านอำปึลที่มีการประกอบอาชีพทำนาและมีการใช้ปุ๋ยเคมีที่มีราคาสูง เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทำให้เกิดแนวความคิดในการที่จะผลิตปุ๋ยหมัก ทำปุ๋ยอินทรีย์เพื่อใช้เองโดยที่มีเกษตรอำเภอมาให้คำแนะนำสนับสนุนงบประมาณในการดูงาน โดยมีกลุ่มที่สนใจการทำปุ๋ยเริ่มที่รวมกลุ่มกัน โดยใช้พื้นที่ที่ดินสาธารณประโยชน์ของหมู่บ้าน และขอรับงบประมาณสนับสนุนจากอำเภอพนมดงรัก จากโครงการ หนึ่งตำบลหนึ่งโรงปุ๋ย โดยได้งบประมาณจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ในการสร้างโรงปุ๋ย พร้อมเครื่องมือ สมาชิกกลุ่มพัฒนาตนเองจนสมาชิกกลุ่มได้รับรางวัลผ่านมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ระดับประเทศ (มก.ท) จำนวน 3 คน พร้อมทั้งวางแผนสำหรับเปิดรับสมาชิกโดยการระดมสมาชิกจากชุมชนก่อน ต่อไปจึงจะเปิดรับสมาชิกนอกกลุ่ม และเตรียมสำหรับที่จะเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับกลุ่มอื่นๆ และจะมีการดำเนินงานด้านปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษในบริเวหนองน้ำบ้านอำปึลต่อไป
9.4 กลุ่มเศรษฐกิจพอเพียง บ้านท่าสว่าง หมู่ 2
สืบเนื่องจากชาวบ้านท่าสว่างส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักมีการปลูกพืชไร่ ทำสวน ทำนาแล้วมีการใช้สารเคมีเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรมาก ทำให้ร่างกายได้รับสารเคมีเพิ่มจากการทำงานและการบริโภค จึงมีแนวคิดในการที่จะสร้างเสริมร่างกายโดยให้ได้รับประทานผักที่ปลอดสารพิษจึงได้รวมกลุ่มกันปลูกพืชที่ปลอดสารพิษ โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาดำเนินกิจกรรมกลุ่ม โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐในการให้ทุนเริ่มต้นดำเนินการนำร่อง โดยใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์ของวัดและอบต. เมื่อการผลิตสามารถนำไปจำหน่ายและทำให้สมาชิกกลุ่มมีรายได้ดี ทำให้มีผู้สนใจมาสมัครเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้น ได้มีการขยายงานเพิ่มและเปิดรับสมัครสมาชิก สมาชิกปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 42 ครอบครัว
|